__________ วัสดีครับเพื่อนๆ มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว ช่วงเดือน พฤษภาคม นี่มี long weekend ให้เราได้พักผ่อนกันตั้ง 2 อาทิตย์เลยนะครับ จะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือ ก็มีค่า ใช้จ่ายพอสมควร งั้นไปหาบรรยากาศพักผ่อนชานเมืองกันดีกว่า จะไปไหนดีหรือครับ คลองสิบสาม บรรยากาศ ใช้ได้เลย มีความร่มรื่น ของกลิ่นไอธรรมชาติ ทุ่งนา ห้วย หนอง คลอง บึง มากมาย มีคลองให้เล่นน้ำฟรีๆ ไม่ต้อง เสียตังค์ แถมยังหาผักหาปลากินกันได้โดยไม่ต้องเดินทางไกลให้เสียเวลา


__________ @เอาละพูดมากเดี๋ยวท่านจะรำคาญ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เป็นศุกร์ที่ผม ได้หยุดงานเพิ่มจากปกติอีก 1 วัน ไม่รู้จะไปไหนดี และก็ไม่ได้นัดใครไว้ด้วย หลังจากนั่งจิบกาแฟ และอ่านหนังสือพิมพ์ เรียบร้อยแล้ว ก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้ากว่าแล้ว งั้นไปคลองสิบสามดีกว่า ผมพาเจ้าพาหนะคู่ใจ Sunny 1.6 Auto ฉายเดี่ยว ออกจากบ้าน กม.6 รามอินทรา มุ่งหน้าไปทางมีนบุรี แล้วแวะเข้าไปซื้ออุปกรณ์เหยื่อตกปลาที่ร้าน ชิงหลิว หัวถนนสุขาภิบาล 2 ออกจากร้านชิงหลิว ผมขับรถเข้าถนนสุวินทรวงศ์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้านิมิตรใหม่ไป ประมาณซัก 100 เมตร แล้วเลี้ยว ขวาเข้าถนนประชาร่วมใจ แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนคู้-คลองสิบ ซึ่งแถวนี้บรรยากาศยังเป็นท้องทุ่งนาอยู่เลย ประชาชน ส่วนใหญ่นับถือศานาอิสลาม ถ้าใครยังไม่เคยมาก็ลองขับรถเล่นมาเที่ยวดูนะครับ แล้วผมไปเลี้ยวขวาเข้าถนนคลองสิบเอ็ด ตรงไป เข้าถนนประชาสำราญ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนคลองหกวา แล้วขับมุ่งตรงไปถึงคอลง 13 ประมาณ 11.00 น. ผม เลือกทำเลตรงประตูระบายน้ำเข้าคลองหกวา ซึ่งถ้าข้ามสะพานคลองลำลูกกาไป ก็จะเป็นคลองสิบสาม ซึ่งมีนักตกปลา อยู่ 2-3 กลุ่ม ผมจอดรถหาร่มใต้ตนไม้ชายคลอง แล้วขนอุปกรณ์ลง จัดแจงผสมเหยื่อ ตามสูตรของผมเอง รำ 1 ถุง ขนมปังป่น 1 ถุง ไข่ไก่ 2 ใบ นมถั่งเหลือง 1 กล่อง แล้วก็หัวเชื้อ ที่ทำเอง ก็เอาเหล้าแดง น้ำหวานเฮลบลูบอย ผงชูรส ที่เตรียมมาผสม แล้วนวดให้เข้ากัน ขณะผมขณะผมกำลังผสมเหยื่ออยู่นั้นก็มีคณะทัวร์ นำรถมาจอดที่ผมกำลัง นั่งอยู่มากัน 2 คันรถ รถเก๋ง 1 คัน ปิคอัพ 1 คัน รวมผู้คนและเด็กเล็กแล้ว 20 กว่าชีวิตได้ พอมาถึงก็นำเสื่อมาปูข้างๆ กับ ที่ผมนั่งอยู่ พร้อมทั้งขนอุปกรณ์ เตา ครก สัมภาระในการปรุงอาหารมาตั้ง พร้อมทั้งติดเตาปิ้งหมู ปิ้งไก่ ตำส้มกันให้ สนุกสนาน เล่นเอาผมนึกไปว่าวันนี้จะได้ปลาไหมเนี๊ยะ เออแต่ก็ดีนะ มีเพื่อนมาร่วมสนุกด้วยเยอะแยะเลย

__________ @ พอผมผสมเหยือเสร็จ ผมก็นำตะกร้อมาหุ้มเหยื่อ และหุ้มเบ็ดด้วยขนมปัง และเอาไข่มดเอ็กซ์เกี่ยวเบ็ด แล้วก็นำ ตีเบ็ดไปยังกลางคลอง น้ำค่อนข้างไหลแรง เพราะประตูนำเปิด เบ็ดคันแรกถูกวางและเปิดหน้ารอกไว้ ไม่ให้เสียเวลา ผมจัดแจงกับเบ็ดคันที่ 2 โดยที่ไม่ได้สนใจกับกลุ่มที่มาปิคนิคกันเท่าไรนัก เบ็ดคันที่ 2 ถูกตีห่างจากเบ็ดคันแรกไม่ ไกลนัก ผมมาจัดการกับเบ็ดคันที่ 3 และตีเบ็ดคันที่ 3 ห่างออกไปหน่อย แล้วก็มาดูเบ็ดคันแรก เพื่อเช็คสายดู แล้ว รอกเข้ามาดูเหยื่อ ขณะผมม้วนรอกเก็บสายเข้ามาก็ดูเหมือนไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดติดเข้ามาด้วย แต่พอเข้ามาใกล้ๆ พอ มองเห็น เอ๊ะไม่เสียเที่ยวนี้หว่า กะมัง ขนาดเท่าฝ่ามือติดมาหนึ่งตัว ผมไม่รอช้ารีบยกขึ้นมาจัดแจงปลดแล้วนำไปใส่ กระชังที่เตรียมมา ผมจัดแจงเปลี่ยนเหยื่อเพื่อตีเบ็ดลงไปใหม่พอเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งดื่มน้ำแก้กระหายหน่อย เพราะอากาศค่อนข้างร้อน ผมนำตะกร้อที่เตรียมมาหุ้มเหยื่อเพื่อไว้เปลี่ยนคัน ขณะหุ้มเหยื่ออยู่นั้น คันเบ็ดคันที่ 3 ที่ ผมตีทิ้งไว้ ปลายคันเบ็ดสั่น และสบัดโค้งงอ พร้อมกับมีเสียงรอกดังแก๊กกกกก...ไม่หนักหน่วงเลย แต่ผมลุกวิ่ง ไปที่คันเบ็ดที่วางไว้ แล้วจับขึ้นมาตวัดไป 1 ครั้ง ผมรู้สึกว่ามีแรงดึงจากปลายสายหนักๆ อยู่เหมือนกัน ผมปิดหน้า รอก แล้วค่อยๆ อัดสายเข้ามา มันค่อนข้างหนักอยู่ ปลายสายเบ็ดวิ่งเข้าหาตลิ่ง ซึ่งมีกอหญ้าและตอไม้ ผมกลัวมัน จะพาเข้าไปติดกอหญ้า ผมพยายามโน้มคันเบ็ดแล้วรีบเก็บสายเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอพ้นกอหญ้าผมเริ่มผ่อน ความเร็วของรอกลง แล้วค่อยๆ ดึงอย่างช้าๆ ซึ่งเจ้าตัวนี้สู้เบ็ดพอสมควร พอดึงเข้ามาใกล้ เอ๊ะปลาอะไรหว่า มีคนที่มาปิคนิดมายืนดู แล้วร้องบอกผมว่า ....เทโพ ...เทโพ..จะยกขึ้นมาก็กลัวสายขาด จะไปหยิบสวิงก็ดันใส่ ไว้ท้าย เออดูอีกทีดีกว่า ว่าเบ็ดมันติดแน่นพอเจ้าเทโพตัวนี้ไม่หลุดแน่นอน ผมปล่อยให้มันว่ายไปมา ยกเบ็ดให้หัว ปลาโผล่พ้นน้ำเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่หลุดแน่ถ้ายกขึ้นมา พอแน่ใจแล้ว ผมรีบยกคันเบ็ดขึ้นจากน้ำทันที เจ้าตัวนี้ขนาด เกือบโลทีเดียว....


__________ @ หลังจากผมได้เจ้าเทโพขึ้นมา ผมก็ได้ตะเพียน กะมัง ขึ้นมาอีก 4-5 ตัว ยังไงก็ไม่เสียเที่ยวเย็นนี้คงได้ต้มยำ เทโพ ตะเพียน กะมังทอด ผมนึกในใจ เที่ยงกว่าๆ กลิ่นหมู่ย่าง ไก่ย่าง ของคณะทัวร์ข้างๆ ผมยั่วยวนใจชมัด แหมไม่มีน้ำใจเรียกเราซักคำ ถ้าเรียกก็จะไม่ปฎิเสธเลย ผมดืมน้ำแก้กระหายอีก 2 อึก รอแต่ก็นึกหิวอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ได้นนำอาหารติดไปด้วย และอีกอย่างหนึ่งก็ไปคนเดียว จะทิ้งเบ็ดไปหาข้าวกินก็เป็นห่วง เลยเดินข้าม ถนนไปยังร้านค้าที่อยู่ตรงข้าม ซื้อน้ำมากิน 2 กระป๋อง เออเย็นชื่นใจดี ผมเก็บสายขึ้นมาเปลี่ยนตะกร้ออีก 2-3 ครั้ง ก็มีเจ้ากะมังติดขึ้นมาด้วยขนาดเกือบเท่าฝ่ามือ เจ้าปลาชนิดนี้ติดเบ็ดไม่ส่งสัญญานอะไรเลย หรือตัวมันคงเล็ก ไม่มีกำลังที่จะลากสายหรือ ดึงสายให้เรารู้เลย นอกจากเปลียนเหยื่อจึงรู้ว่าได้ เงียบจังไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นเลย ประมาณบ่าย 3 โมงเห็นจะได้ และแล้วปลายคันเบ็ดก็สั่นเหมือนมีอะไรมากระตุก ผมลุกจากที่นั่งหยิบคันขึ้นมา ตวัดไป 1 ทีแล้วรอกสายเข้ามา เอ..หนักๆ เหมือนกัน แต่เบากว่าเจ้าเทโพตัวแรก รอกสายเข้ามาใกล้ๆ เอปลาตัวดำๆ ปลาอะไรเนี่ย พอดึงเข้ามาใกล้ ไอ้ชอคเกอร์นี่หว่า เฮ้อ...นึกว่าจะได้ต้มยำอีกซักตัว ..ต้องปล่อยมันลงน้ำไปกลับ ที่อยู่มัน..


__________ @ เกือบ 4 โมงเย็นคณะทัวร์ข้างๆ เริ่มทอดแหหาปลาอยู่ตรงประตูระบายน้ำไม่ไกลผมเท่าใดนัก ก็ได้ปลาตะเพียนตัวงามๆ อยู่หลายตัวเหมือนกัน ได้มากกว่าผมอีก แถมยังได้เจ้าปลากรายตัวเบ้อเร่อเลย น่าอิจฉาจัง ผมยังคงนั่งเฝ้าเจ้าคันเบ็ด ทั้ง 4 คันที่ผมวางไว้ มันเริ่มไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาเลย ผมเปลี่ยนเหยื่ออีก 2-3 ครั้ง ก็ยังคงเดิม มีกะมังติดขึ้นมาอีก ตัว 2 ตัว แต่ที่น่าสังเกตุ ทุกครั้งที่เก็บสายมาจะเปลี่ยนเหยื่อพอรอกสายขึ้นมาจะเหลือเพียงตะกร้อเปล่าๆ ทุกครั้ง ผมนึกในใจ แถวนี้ปลาเล็กเยอะฉิบ..(เซ็นเซอร์) หรือไม่ก็ปลาเย๊อะแต่ไม่ติดเบ็ด ผมเริ่มเก็บเบ็ดประมาณ 5 โมงเย็น 6 ชั่วโมง ไม่เสียหาย เทโพ 1 ตัว ตะเพียน กะมัง อีก 5-6 ตัว พอหม้อแกงเลยเย็นนี้..ผมลาขณะทัวร์บอกขอกลับก่อน นะครับ เพื่อขอเอารถออก ซึ่งเขาจอดรถบังทางออกผมอยู่ ผมขอบคุณเขาตามมารยาท ขากลับยังแวะทักทายกับนัก ตกปลาที่อยูอีกฝั่งหนึ่ง แล้วแวะลงไปดูก็เห็นมีได้กันพอสมควร ไซด์ขนาด 2 โลกว่าก็มี อยากได้จัง...คงต้องมาเยือน อีกครั้งแน่นอน ผมขับรถออกจากคลองสิบสาม มาตามถนนลำลูกกา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าวงแหวนรอบนอก กลับบ้านเมื่อเวลา 5 โมงเย็นกว่า.....


@ เมลมาคุยกันได้ที่ suttipong@operamail.com