วัสดีครับเพื่อนๆ ที่พลัดหลงเข้าอ่านเรื่องของเรา ...ครับเราเป็นนักตกปลาหน้าใหม่ ไอ้เรื่องความชำนาญไม่ต้องพูดถึง แทบจะไม่มีความรู้เรื่องการตกปลากันเลย การไปเมืองกาญจน์เที่ยวนี้กะไปพักผ่อนกันเพื่อหลบลมร้อนไหนๆ ก็ไปกันแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวผมก็เลยได้เตรียมคันเบ็ดไปด้วย เราออกเดินทางกันตั้งแต่ตีห้าเช้าวันนั้น พร้อมด้วยสมาชิกร่วมเดินทางที่เป็นเด็กเล็กๆ 4-5 คน ซึ่งเป็นหลานของพวกเราเอง จากถนนรามอินทรา มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนสายอาจณรงค์-รามอินทรา ผ่านสะพานแขวนพระราม 9 การไปครั้งนี้มีคนที่ตั้งใจจะไปเย่อกับฝูงมัฉฉาอยู่เพียง 2 ท่าน คือเฮียหลี่ และผมผู้เขียน ส่วนคนอื่นๆ ไปพักผ่อนและเล่นน้ำกัน


@ พอรถออกมาได้สักพักสายฝนก็โปยปรายลงมา แต่ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เปียกได้เหมือนกัน ลืมบอกผู้อ่านไปพาหนะที่ใช้เดินทางเป็นรถปิกอัพ มีหลังคาคล้ายรถบรรทุกของ ข้างรถไม่มีผ้าใบคลุม พอฝนตกลงมามันก็สาดเข้ามาในรถ ผู้ร่วมเดินทางของเราเปียกกันทุกคนไม่มากก็น้อย ฝนก็ตกบ้างหยุดบ้างตลอดทาง พอเข้าถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ท้องเราก็เริ่มหิวกันแล้วก็เลยแวะทานอาหารมือเช้ากันที่ร้านแก้ว พออิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ออกเดินทางต่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก่อนเข้าเขื่อนเขาแหลมน่ะซิครับ ช่วงก่อนเข้าเขื่อนถนนตรงี้ทำให้พวกเรากลายเป็นฝรั่งหัวแดงไปตามๆกัน เพราะถนนก่อนถึงเขื่อนอยู่ระหว่างการปรับปรุง ซึ่งมีลูกรังมาลงไว้ สัมภาระข้าวของเปลื้อนไปด้วยฝุ่น ดีครับครบทุกรสชาติเลย เจอฝน เจอแดด เจอฝุ่น เราถึงที่หมาย ณ จุดที่จะลงแพประมาณ 10 โมงกว่า ซึ่งจะต้องนั่งเรือจากฝั่งไปอีกประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องหาที่จอดรถและฝากรถไว้ เราได้รับการเอื้อเฟื้อสถานที่จอดรถของเจ้าของแพแถวนั้น คือคุณม่วยและคุณเสริม ซึ่งมีแพให้เช่าอยู่เหมือนกัน ราคาไม่แพงนัก ถ้าสนใจก็ติดต่อโดยตรงเลยนะครับ 01-2102696 ถือเป็นการโฆษณาให้ซะเลย ซึ่งผู้เขียนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเลยนะครับ ถือว่าเป็นการ ประชาสัมพันธ์สำหรับคนมีน้ำใจ


@ แพที่เราจะไปกันนี้เป็นแพส่วนตัวที่เจ้าของแพรักธรรมชาติ และชอบการตกปลา มาซื้อไว้ แล้วใช้เวลาว่างวันหยุดมาพักผ่อนให้รางวัลกับชีวิต เราออกจากฝั่งมาถึงแพเกือบเที่ยง ได้เวลาอาหารพอดี สำหรับอาหารมือเที่ยงวันนั้นเจ้าของแพเตรียมไว้ต้อนรับเราอยู่แล้ว สำหรับแพที่เรามาพักกันนี้เป็นแพสี่หลังผูกติดกันและผูกเชือกขึงไว้กับตลิ่งไม่ได้เป็นแพลากเหมือนทั่วไป เมื่อได้จัดของเข้าที่เข้าทางและทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอาอุปกรณ์การตกปลามาประกอบทันที โดยที่เจ้าของแพบอกกับเราว่าช่วงเย็นๆ จะพาลงเรือไปล่าไอ้โดกัน ยั้งงี้มีเวลาเหลือตั้งเยอะ ขอหย่อนเบ็ดหน้าแพดูก่อนแล้วกัน กะว่าเดี๋ยวคงได้เจ้าปลาตัวใหญ่ๆ ขึ้นมาเชยชมบ้าง คันเบ็ด 4 คัน เกี่ยวเหยื่อใส้เดือนลุงโอ๋ ได้หย่อนสายลงหน้าแพ คอยแล้วคอยเล่าไม่มีเสียงรอกดังซักทีเวลาผ่านพ้นไป เลยลองเปลี่ยนเหยื่อดูเป็นขนมปัง รำ นสสด ตะกร้อได้ถูกหุ้มด้วยเหยือที่ผสมแล้ว หุ้มตัวเบ็ดด้วยขนมปังได้ ถูกหย่อนลงอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เงียบเชียบเช่นเคย เราได้รับการบอกเล่าจากผู้ดูแลแพ ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตกตรงหน้าแพได้ปลามา 50 กว่าตัว เป็นปลาสลาด กรด โดยใช้ไส้เดือนลุงโอ๋ เอแต่วันนี้เราตกถึงไม่มีปลามากินเหยื่อเลยวุ้ย...ประมาณซักบ่าย 3 โมงกว่าเห็นจะได้ฝนเริ่มตก ลมเริ่มแรง กระแสลมได้พัดแพจนเชือกที่ผูกติดต้นไม้ที่ใช้ยึดแพไว้หักลง คงเหลือเชือกที่ผูกแพไว้ด้านหลังที่ดึงไปผูกไว้กับตลิ่ง และด้านข้างแพอยู่ส่วนด้านหน้าไม่มี ลมพัดแพเดินหน้าถอยหลังตามกระแสลมทำให้แพเคลื่อนที่ไปมา ประมาณ 2-3 เมตรอยู่ตลอดเวลา ประมาณเ 5 โมงกว่าฝนได้เริ่มหยุดตก แต่ลมยังคงพัดอยู่ วันนั้นเราไม่ได้ออกไปล่าชะโดกัน การล่าชะโด ต้องให้น้ำนิ่งๆ โดยใช้เรือลอยใกล้ฝั่งที่มีสาหร่าย หรือวัชพืช ปกคุลมประปรายบ้าง ซึ่งอากาศวันนี้ไม่เหมาะต่อการล่าชะโด ซึ่งเป็นการบอกเล่าจากเจ้าของแพผู้มีความชำนาญ เจ้าของแพบอกงั้นเป็นพรุ่งนี้จะให้เรือมารับตอนหกโมงเช้า เตรียมตัวรอได้ ผมก็เลยนั่งหย่อนเบ็ดอยู่แถวหน้าแพเล่นๆ ไม่ได้ปลาซักตัว นอนเอาแรงดีกว่าพรุ่งนี้จะได้ออกไปล่าชะโดต่อ


@ รุ่งขึ้นผมตื่นตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำแล้วมาเตรีบมอุปกรณ์ล่าไอ้โด คันเบ็ด 7 ฟุดพร้อมด้วยเหยื่อปลอมใบพัด (ป๊อกป๊อก) 1 ตัว ประกอบรอเรือพร้อมกับเฮียหลี่ ผู้ร่วมเดินทาง เรือมารับ 6 โมงพอดี เราไปกัน 4 คน ผมกับเฮียหลี่และชาวบ้านที่ดูแลแพอีก 2 คน ชื่อเอก และน้องเบียร์ เป็นคนพาเราออกไปล่าไอ้โด เราลอยเรือเลาะชายฝั่ง ไม่ห่างจากแพนัก พอมองเห็นได้ คันเบ็ด 4 คัน ได้ถูกเหวี่ยงออกไป 2-3 ไม้ แล้วรอกเข้ามา ยังไม่มีวี่แวว ของไอ้โดเลย เราเลยเปลี่ยนหมายกัน ถัดมาอีกหน่อย ผมได้เหวี่ยงเจ้าป๊อกป๊อก ออกไปอีกไม้ เจ้าป๊อกป๊อกได้ไปตกห่างจากเรือไปซัก 20 เมตรเห็นจะได้ ระหว่างผมรอกสายเบ็ดเข้ามาก็มีเสียงดัง บล็อก น้ำแตกกระจาย เจ้าชะโดหุบเหยื่อผมแต่ไม่ติด มันคงมาหยอกเล่น เราลองเหวี่ยงดูซักพักไม่มีตัวก็เลยย้ายหมายไปที่ใหม่กัน คนขับเรือที่พาเราไปตก ซึ่งผมเรียกเขาว่าพี่เอก ได้ขับเรือพาเราไปหมายที่ใหม่ พี่เอกพาเรามายังคุ้งน้ำ ที่มีภูเขาบังดูสถานที่แล้ว เงียบสงบดี เห็นไอ้โดขึ้นเล่นน้ำอยู่ประปรายพอดับเครื่องเรือเราก็เริ่มเหวี่ยงเบ็ดกันทันที แค่เหวี่ยงไปไม่กี่ครั้งก็มีเสียง ดังพรั๊บ...เป็นเสียงหุบเหยื่อคันของพี่เอก ทุกคนร้องด้วยความดีใจ ต้องเป็นไอ้โดตัวใหญ่แน่นอน พี่เอกค่อยๆอัดมันเข้ามา มันสู้เบ็ดหน้าดู พี่เอกอัดสายลากเข้ามาใกล้ๆ สิ่งที่เห็นกลายเป็นปลากระสูบ ตัวเขื่องเกือบ 2 โลเห็นจะได้ เราเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น และแล้วก็มีเสียงดังบั๊บ...จากที่ผมได้เหวี่ยงเจ้าเหยื่อใบพัดออกไปห่างจากผมขณะผมรอกเข้ามา มันกระชากสายเบ็ดผมตรึงเป๊ะ ด้วยความตกใจ ผมเริ่มอัดมันเข้ามา จนคันโค้งงอ ทุกคนบอกใจเย็นๆ ค่อยดึงมันเข้ามา น้องเบียร์เตรียมสวิงลงไปตักมันขึ้นมา เป็นชะโด ขนาดโลกว่า เอาล่ะได้ 2 ตัวแล้วตรงนี้คงไม่มีตัวแล้ว เราเริ่มมองหาหมายที่ใหม่ คราวนี้มาเจอเป็นอ่าวเข้าไป เงียบดีมากเลย แค่ครั้งที่ 2 ที่ผมเหวี่ยงเหยื่อออกไปเท่านั้นเสียงดังบั๊บ..มันกระชากคันเบ็ดผมเสียการทรงตัว ผมเริ่มอัดมันเข้ามา เสียงรอกดังแกรกๆ ซึ่งผมปิดหน้ารอกไม่แน่นนัก ผมเริ่มอัดมันเข้ามา มันแรงกว่าตัวแรกอีก และสู้เบ็ดมากกว่า ผมเริ่มอัดมันเข้ามาใกล้ๆ เริ่มเห็นตัวมันโอ้โฮ้ใหญ่เหมือนกัน น้องเบียร์เอาสวิงตักมันขึ้นมาประมาณ 2 โลกว่า ทุกคนหายเหนื่อยกันเลย ยังไงก็ 3 ตัวแล้ว ขณะเรากำลังชื่นชมผลงานเราอยู่นั้นก็มีเสียงดังบล็อด..รอกดังแกรกๆ ทีนี้เป็นคนชองเฮียหลี่ เฮียแกอัดมันเข้ามา มันสู้เบ็ดพอสมควร และรอกเข้ามาใกล้ๆ กระสูบตัวเขื่องเลยขนาดโลกว่าครับ ตกลงเช้าวันนั้น เราได้ ชะโด 2 กระสูบ 2 สำหรับทริพแรกของเรา


@
เขื่อนเขาแหลมยังมีปลาอีกมากมาย และที่นี่บรรยากาศดีมาก เหมาะกับการพักผ่อน แต่ข้อสำคัญเรื่องความสะอาดครับ จงช่วยกันรักษาความสะอาด เราจะได้มีสถานที่พักผ่อนทีงดงามสะอาดตา ไว้ให้เรามาพักผ่อนได้ตลอดไป สำหรับผู้อ่านท่านใดมีเรื่องเล่าประสบการณ์ หรือความประทับใจที่ไหนก็ mail มาให้ผมก็ได้นะครับ ผมจะนำเรื่องราวของท่านลงใน website นี้ ตาม e-mail : suttipong@operemail.com ที่ให้ไว้นี้นะครับ และมีเรื่องราวผมจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่ครับ วันนี้เพียงเท่านี้ครับ...


@ เมลมาคุยกันได้ที่ suttipong@operamail.com