การใช้แมกนีเซียมในอาการปวดศรีษะข้างเดียว (Migraine)

__________ การปวดศรีษะข้างเดียว หรือปวดไมเกรนเป็นอาการที่มักพบได้บ่อยในคนทั่วไป สาเหตุจากความเครียด การคร่ำเคร่งในการทำงาน การอดนอน การดื่มแอลกอฮอล์ อาการไมเกรนเป็นอาการปวดที่เกิดจากการบีบตัว ของหลอดเลือดในสมอง เนื่องจากเกิดการบีบตัวของหลอดเลือดขึ้นในส่วนใดส่วนหนึ่ง เป็นเหตุให้แรงดัน ในหลอดเลือดนั้นดันให้หลอดเลือดโป่งออก เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง ตามแรงดันที่พุ่งขึ้นมาจากการบีบ ของหัวใจ

__________ การใช้แมกนีเซียมในอาการปวดศรีษะข้างเดียว การใช้ยารักษาไมเกรนในปัจจุบัน การใช้ยารักษาเมื่อมีอาการปวดอย่างกระทันหัน

1. ยาแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล ร่วมกับการพักผ่อน เป็นการแก้อาการปวดเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถ ลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน

2. ยาออกฤทธิ์ต่อหลอดเลือดในส่วนต่างๆ ของร่างกายตีบตัว ทำให้เนื้อเยื่อตายได้ และเมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะเกิด การเป็นซ้ำขึ้นใหม่เพราะหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นในตัวเอง การใช้ยาที่ออกฤทธิ์หดหลอดเลือดเหมือนกับการไป ถ่างหนังสติ๊ก คราวนี้ร่างกายก็จะดื้อต่อการใช้ยาดังกล่าวและยังมีผลข้างเคียงมากมาย เช่น อาการทางประสาท คลื่นไส้ อาเจียน จึงห้ามใช้บ่อยกว่าทุก 4 วัน

การใช้ยาแมกนีเซียมในการรักษาไมเกรน
__________ นายแพทย์มัสคอป แห่งศูนย์การวิจัยโรคปวดศรีษะ นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ อย่างชัดเจนแล้ว โดยผ่านการศึกษาในกลุ่มคนที่เป็น ไมเกรน จำนวนมากกล่าวได้ว่า แมกนีเซียม สามารถบรรเทา อาการไมเกรนได้ ทั้งแง่ของอาการเฉียบพลัน และการป้องกัน" หลักฐานที่ค้นนพบในขณะนี้บ่งบอกว่า 50% ของ คนที่กำลังเกิดอาการไมเกรน มีระดับของแมกนีเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ

การใช้แมกนีเซียมในการรักษาอาการไมเกรนแบบเฉียบพลัน โดยให้แมกนีเซียม 1 กรัม กับผู้ป่วยไมเกรน 40 ราย ผลปรากฏว่า 35 รายสามารถลดอาการปวดลงได้ 50% ภายใน 15 นาที และผู้ป่วย 21 คนใน 35 คนนี้พบว่า 18 คน(86%) หายจากไมเกรนโดยสิ้นเชิงภายใน 24 ชั่วโมง การรับประทานแมกนีเซียมในการรักษา อาการปวดไมเกรนแบบเฉียบพลัน ต้องรับประทานทันที 0.09-1 กรัม จึงจะออกฤทธิ์ได้ วันหนึ่งไม่ควรเกิน 2 กรัม และไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคไตขั้นรุนแรง



__________ การใช้แมกนีเซียมในการป้องกันไมเกรน นายแพทย์ไพเคิร์ท จากศูนย์ประสาทวิทยา เมืองมิวนิคประเทศเยอรมัน ได้ให้ผู้ป่วย ไมเกรน 81 ราย อายุ 18-65 ปี รับประทาน แมกนีเซียม 600 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ในสัปดาห์ที่ 9-12 ความถี่ของเกิดอาการไมเกรนลดลง 41.6% ในขณะเดียวกับจำนวนวันที่มีอาการปวดไมเกรนลดลง อย่างเห็นได้ชัดเจน
___________ การใช้แมกนีเซียมมีความปลอดภัยสูง และราคาไม่แพงจนเกินไป จึงสามารถใช้ในคนที่มีความทรมานจากอาการไมเกรนได้ เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉลี่ยรายการต้องการแมกนีเซียมวันละ 500-600 มก.ต่อวัน จากอาหารธรรมชาติ อาจต้องรับประทาน ถั่วถึง 2 ถ้วยเต็มๆ หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashews) ถึงวันละ 90 ซี่แน่นอนคงจะเป็นปริมาณที่เกินความสามารถ และค่อนข้างสิ้นเปลือง ในกรณีนี้ผลิตภัณฑ์วิตามินและแร่ธาติอาจเข้ามามีบทบาทแทนได้
___________ อาหารที่ให้แร่ธาติแมกนีเซียมมากได้แก่ "ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญญพืช ผักใบเขียวเข้ม ผลอโวคาโด และอาหารทะเททั่วไป"

    ข้อมูลวิชาการโดย อาจารย์ฉัตรตระกูล เจียจันทร์พงษ์ Master of Public Health (Nutntion). Loma Linda University. California USA.